สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามลอกเลียนแบบหรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้
รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด สแกน บันทึก ถ่ายภาพ
ไม่ว่าในรูปแบบวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ยกเว้นเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น
(ชื่อตัวละคร สถานที่ สถานการณ์ ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องสมมุติเท่านั้น)
ชีวิตที่ต้องดิ้นรนท่ามกลางอุปสรรคที่เข้ามา
หญิงสาวผู้ที่มีชะตาพลิกผันกลายเป็นลูกหนี้
เพราะลุงได้สร้างเอาไว้โดยที่เธอไม่เคยรับรู้
เธอจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
ชีวิตเธอจะวุ่นวายขนาดไหน
จะมีใครช่วยเธอได้บ้างหรือไม่
คงอยู่ที่ดวงชะตาของเธอเท่านั้น
ตอนที่ ๒
ข่าวร้ายของผู้เป็นแม่
ช่วงเวลาตีสามซึ่งก้าวเข้าสู่วันจันทร์เป็นช่วงที่ นิราวัลย์ หญิงวัยห้าสิบ ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อภาพชายหนุ่มมีเลือดนองใบหน้าปรากฏขึ้นในฝันของเธอ ใบหน้านั้นช่างเหมือนกับลูกชายของเธอ
“ตาหนู” เธอร้องเสียงดัง
กลางดึกคืนนั้นทำให้เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ นั่นมันเป็นเพราะความฝันนั้นนั่นเอง เธอจ้องมองนาฬิกา เข็มนาฬิกานั่นหยุดนิ่งและไม่หมุนอีกต่อไป มันทำให้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ตีสามสิบห้า” เธอนึกในใจ
ด้วยใจที่กังวลเธอจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลูกชายทันที หากแต่ปลายสายนั้นยังไม่คงรับสายของเธอ ยิ่งทวีคูณความกังวลให้เธอ เธอยังคงรอสายอยู่อย่างนั้น
“รับสายแม่สิลูก” เธอภาวนา
“ครับแม่”
ทันทีที่เสียงจากปลายสายดังขึ้น ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกคลายกังวลไปได้
“ตีสามกว่าแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับ” เสียงนั้นเอ่ยถาม
เธอตกใจกับความฝันอย่างมาก รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเมื่อได้พูดคุยได้ยินเสียงลูกชายที่เธอเฝ้าถนอมเลี้ยงดูจนกระทั่งตอนนี้ ชายหนุ่มได้เติบโตมีหน้าที่การงานที่มั่นคง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงเป็นกังวลใจเรื่อยไป ด้วยลูกชายมีอาชีพที่ต้องเสี่ยงภัยอันตรายบ่อยครั้ง
“ตาหนู เมื่อไหร่จะกลับเข้าบ้านสักทีลูก แม่เป็นห่วง”
“แม่ครับ ผมไม่เป็นไร แม่สบายใจได้นะครับ นอนเถอะนะครับเดี๋ยวจะไม่สบาย ช่วงบ่ายวันจันทร์นี้ก็จะกลับแล้วครับ”
ชายหนุ่มพยายามปลอบขวัญแม่ผู้อ่อนไหวให้คลายกังวลจนเธอยอมวางสาย
เก้านาฬิกาของวันจันทร์มีเสียงรถมาจอดหน้าบ้านนิราวัลย์ ชายสวมสูทเดินลงจากรถ กดกริ่งที่ประตูไม้ซึ่งเป็นรั้วบ้าน
“ไหนตาหนูว่าจะมาบ่าย”
นิราวัลย์พึมพำก่อนเดินออกมาตามเสียงกริ่งนั้น เธอถึงกับตะลึงเมื่อเห็นเขา เธอไม่เข้าใจว่าเขามาทำอะไรที่นี่
การเผชิญหน้าระหว่างเธอกับ ทินกร ชายผู้มีอายุมากกว่าเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบเขา นับตั้งแต่เธอออกจากบ้านของสามีมาเมื่อ 29 ปีที่แล้ว
“คุณผู้หญิงเป็นอย่างไรบ้างครับ” เขาถามด้วยความนอบน้อมเช่นเคย
“ฉันสบายดี คุณทินกร คุณตามสืบฉันตลอดเลยหรืออย่างไร” เจ้าของบ้านถามด้วยสงสัย
“เป็นคำสั่งของคุณท่านครับ” เขาตอบตามความประสงค์ของนาย
“ฉันยังมีค่าในสายตาเขาอยู่รึ” เธอตัดพ้อสามีของเธอ
“อย่าตำหนิท่านเลยครับคุณผู้หญิง” ชายผู้มาเยือนขยับแว่น
“คุณมานี่ทำไมคะ” เธอถามเข้าประเด็น
แขกผู้มาเยือนยื่นซองสีน้ำตาลให้หญิงเจ้าของบ้านและบอกให้เธอเปิดดู เมื่อเธอรับซองนั้นมาแล้วเปิดมันออกดูตามที่เขาบอก มีกระดาษในนั้นหลายใบ มันเป็นภาพชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง
“เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับคุณท่าน ตอนนี้คุณท่านพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่สำหรับเขายังคงอยู่ในอาการโคม่า” ทินกรแจ้ง
ภาพที่เธอเห็นมันทำให้น้ำตาเธอไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ผมมาที่นี่เพราะผมอยากจะพาคุณผู้หญิงไปพบเขาสักครั้ง เราจะไปโดยไม่ให้ใครรู้ ผมจัดเตรียมคนสังเกตการณ์ไว้เรียบร้อยแล้วครับ” เขาแจ้งวัตถุประสงค์
เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่ทินกรพูด เธอรีบตัดสินใจเข้าไปหยิบกระเป๋า แล้วขึ้นรถออกไปกับเขาทันที
การเดินทางที่ดูเหมือนจะยาวนานได้สิ้นสุดลง เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทินกรพาเธอตรงไปที่ห้องนั้นทันที
เขาเปิดประตูให้เธอเข้าไปในห้องนั้น เธอเดินตรงไปที่เตียง มือที่เธอกุมไว้นั้นเย็นเฉียบ น้ำตาพลางไหลออกมา ในตอนนั้นเธออยากจะร้องไห้ให้เสียงดังๆ แต่ทำไม่ได้
ภาพชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง มีออกซิเจนไว้ช่วยหายใจ ร่างที่นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ใบหน้าชายหนุ่มนั้นช่างเหมือน “ภูผา” ลูกชายของเธอยิ่งนัก
“ร่างกายคุณภูภพยังไม่มีการตอบสนองครับ เขาอาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา” ทินกรแจ้ง
หัวใจของเธอแทบจะสลายเมื่อได้เห็นและได้ยินเกี่ยวกับสภาพที่ ลูกชาย อีกคนของเธอเป็นอยู่ในขณะนี้
เธอเดินเข้าไปแตะบนมือชายหนุ่มด้วยความรัก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เลี้ยงดูเขาเลยตลอด 29 ปี
เธอรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ให้ความรักความอบอุ่นแก่เขา และมันช่างเป็นเวลาที่แสนสั้นที่จะได้อยู่ใกล้ชิดลูกชายคนนี้ เมื่อทินกรบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว
ทินกรขับรถพาเธอกลับไปยังบ้าน แล้วก็ขอเข้าไปคุยเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้แจ้ง
“คุณมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ” เธอเอ่ยถาม
“ผมมีเรื่องอยากเรียนคุณผู้หญิงเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของคุณภูภพ” ทินกรพูดน้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องอะไรคะ” เธอนั่งที่เก้าอี้และวางกระเป๋าลงข้างตัว
“ผมสงสัยว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุครับ”
“ทำไมคุณคิดอย่างนั้น” เธอทำหน้าสงสัย
“มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในบริษัทที่ไม่ชอบมาพากล ตอนนี้ผมกำลังหาความจริงอยู่ครับ”
ในขณะที่ทั้งสองคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์ คันใหญ่ขับเข้ามาจอดในบ้าน
ชายหนุ่มหันไปมองรถเก๋งที่จอดอยู่ แล้วเขาก็ลงจากมอเตอร์ไซค์เดินขึ้นบ้านไป
“สงสัยภูผาจะกลับมาแล้ว เขาบอกว่าจะกลับมาบ่ายวันนี้” เธอบอกทินกร
“แม่ครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้มารดา แล้วเดินเข้าไปหอมแก้มเธอ
“แม่ดีใจที่ลูกกลับมาซะที” เธอลูบหลังลูกชาย
“แม่มีแขกเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวนะครับ” ชายหนุ่มมองทินกร
“เหมือนกันมาก” ทินกรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เดินเข้ามา
ทินกรพิจารณาชายหนุ่มที่สวมเสื้อหนังสีดำทับเสื้อยืดคอวีสีขาว สวมกำไลหนังที่ข้อมือขวา ตัวของเขาสูงและดูกำยำ ทินกรเห็นสไตล์การแต่งตัวที่แตกต่าง แต่ใบหน้าที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้นมาปกปิดเค้าโครงหน้านี้ มันไม่ได้ทำให้ใบหน้าของเขานั้นแตกต่างจากชายอีกคนที่หลับใหลอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณหนู” ทินกรเรียกชายหนุ่มไว้
“คุณเรียกผมเหรอครับ” ภูผาหันกลับมาถาม
“เอ่อ...คุณผู้หญิงครับ ผมว่าคงได้เวลาบอกความจริงคุณหนูแล้วนะครับ” ทินกรมองหน้าเจ้านาย
“ฉัน...” เธอไม่มีคำใดที่จะพูด เพราะในตอนนี้เธอเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากบอกลูกในตอนนี้
“อะไรครับแม่” ชายหนุ่มเดินมานั่งข้างๆแม่
“แม่...เอ่อ...คือ...” เธอรู้สึกสับสน
“นะครับคุณผู้หญิง” ทินกรมองหน้าเธอ
นิราวัลย์ตัดสินใจได้แล้วว่าจะต้องบอกให้ลูกชายได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เธอจึงพยักหน้าตอบรับแก่ทินกร
“นี่คุณทินกร เลขาคนสนิทพ่อของลูก” แม่หันไปบอกลูกชาย
“พ่อ...พ่อเหรอครับ” ชายหนุ่มตกใจเมื่อได้ยินแม่เอ่ยถึงพ่อ
เมื่อทินกรได้รับอนุญาตจากเธอแล้ว เขาจึงรีบเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟัง
“ตอนนี้คุณภูภพพี่ชายคุณหนู ยังคงไม่ได้สติครับ”
เขายื่นซองภาพถ่ายนั้นอีกครั้ง
ภูผาผู้เพิ่งได้รับรู้ฐานะของตนเอง ถึงกับตกใจเมื่อเห็นภาพชายที่นอนไร้สติบนเตียงนั่น มีใบหน้าเดียวกับตน
“พี่ชายฝาแฝดของลูก แม่ขอโทษที่ปิดบังลูกมา 29 ปี ” นิราวัลย์ก้มหน้าร้องไห้
ภูผานั่งมองแม่ที่กำลังโทษตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาขยับตัวโอบกอดเธอด้วยความเข้าใจในสิ่งที่เธอทำ นั่นเพราะความรัก
“แม่ครับ อย่าร้องเลยนะ ผมไม่เป็นไร” ภูผาพูดปลอบแม่ แล้วเขาก็มองทินกรและพูดออกไปว่า “คุณต้องการอะไร”
“ผมมีเรื่องขอร้อง ผมมั่นใจว่ามีคนทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ครับ ผมอยากให้คุณหนูปลอมตัวเป็นคุณภูภพ” ทินกรนึกแผนการได้เมื่อแรกเห็นหน้าเขา
“อะไรนะ” นิราวัลย์ตกใจ
“จะให้ผมไปเป็นเขาได้ยังไงล่ะครับ ผมก็ต้องทำงานของผม”
“คุณหนูจำเป็นต้องออกจากการเป็นตำรวจครับ” ทินกรเสนอ
“ไม่มีทาง” ภูผาเสียงแข็ง
นิราวัลย์เห็นลูกชายกำลังโกรธ เพราะรู้ว่าเขาทุ่มเทกับงานมาก จึงลูบหลังลูกชายให้ใจเย็น
“ฉันว่าคุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ” นิราวัลย์บอกทินกร
ภูผามองทินกรแล้วก็ลุกขึ้น เดินหนีไปจากวงสนทนา เมื่อทินกรเห็นดังนั้น จึงต้องกลับตามคำขอของนิราวัลย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น