วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เมื่อฉันอยากเป็นนักเขียน จะทำอย่างไร

 

เคยมั้ย?

เวลาอ่านหนังสือ อ่านนิยาย

หรือบทความสักเรื่องแล้วเกิดความรู้สึก

ว้าว!

อยากจะเขียนได้อย่างนั้นบ้างจัง

และในใจก็จะมีคำถามเกิดขึ้นให้ชวนกังวลในหัว

“ฉันอยากเป็นนักเขียนบ้างจัง”

“จะทำยังไงนะ”

“จะมีใครอ่านบ้างหรือเปล่า”

 

ในตอนนั้นอารมณ์ของผู้เขียนก็จะเป็นประมาณนี้ล่ะค่ะ เนื้อหาเล่มนี้ก็เลยอยากจะ
แชร์สิ่งที่ตนได้ทำและในที่สุดก็สามารถเขียน
สลับอุบัติรักจบเป็นเรื่องแรก


มาดูกันว่าก่อนที่จะเริ่มเขียนนั้นจะเราต้องทำอะไรบ้าง

                                     


คำนำ

เคยมั้ย?

เวลาอ่านหนังสือ อ่านนิยาย

หรือบทความสักเรื่องแล้วเกิดความรู้สึก

ว้าว!

อยากจะเขียนได้อย่างนั้นบ้างจัง

และในใจก็จะมีคำถามเกิดขึ้นให้ชวนกังวลในหัว

“ฉันอยากเป็นนักเขียนบ้างจัง”

“จะทำยังไงนะ”

“จะมีใครอ่านบ้างหรือเปล่า”

 

ในตอนนั้นอารมณ์ของผู้เขียนก็จะเป็นประมาณนี้ล่ะค่ะ เนื้อหาเล่มนี้ก็เลยอยากจะ
แชร์สิ่งที่ตนได้ทำและในที่สุดก็สามารถเขียน
“สลับอุบัติรัก”จบเป็นเรื่องแรก

มาดูกันว่าก่อนที่จะเริ่มเขียนนั้นจะต้องทำอะไรบ้าง

                                               1

อดทน

ความอดทน  ข้อนี้เราคนเขียนต้องอึดสักหน่อย ซึ่งคนเขียนต้องใจเย็นและมีความอดทนมาก เพราะกว่าจะเขียนจบเป็นเรื่องได้นี่ต้องขยันมาก ยิ่งเขียนอะไรยาว ๆ อย่างนิยาย นวนิยาย ซึ่งต้องเขียนหลายหน้า เขียนหลายตอน นานมากกว่าจะเขียนจบสักเรื่อง ฮึ๊บ!

 


2 

Contenes

คอนเทนต์ฉันจะเขียนอะไรดีนะ” แน่นอนว่าอาการนี้เป็นกันแทบทุกคนค่ะ เอาเป็นว่าอยากเขียนอะไรก็เขียนไปก่อน นึกอะไรออกก็จดไว้  หรืออยากจะระบายก็เขียนระบายลงใปในกระดาษทำเหมือนเราเขียนไดอารี่ ช่วงนี้ฉันไปดูหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพลงแนวนี้ที่ฉันชอบ ดารานักร้องคนนี้วงนี้ที่ฉันกรี๊ด วันนี้ฉันไปดูคอนเสิร์ตด้วยล่ะ ก็เขียนๆเก็บไว้ นี่ไงคุณรู้ตัวมั้ยว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนของคุณได้เริ่มแล้วล่ะคะ ที่สำคัญนะ ในสิ่งที่คุณเขียน ๆ จด ๆ นั้นอาจจะมีสักอย่างที่ทำให้มีไอเดียบรรเจิดเกิดขึ้น  เป็นเรื่องราวจนนำไปสู่การเขียนนิยายได้ ส่วนเรื่องแนวเขียนอยากจะเขียนสไตล์แบบไหนก็จดเป็นรายการไว้ค่ะ เช่น จะเขียนบทความสักเรื่องเริ่มจากอะไรดีละ อย่างผู้เขียนที่เขียนครั้งแรกก็จะเริ่มจากสิ่งที่ชอบ และงานที่ทำ (ซึ่งคุณอาจจะมีสิ่งนั้นอยู่แล้วแต่อาจไม่รู้ตัว) เขียนคำคม เขียนบทกลอน นิทาน แล้วค่อยขยับเป็นการเขียนอะไรยาวอย่างการเขียนนิยาย ก็ลองเขียน ๆ ไปค่ะ อาจจะเจอที่ถนัดหรืออยากจะทำอยากจะเขียน


3

ศึกษาขั้นตอนการเขียน

อย่างเช่นผู้เขียนรู้แล้วว่าสนใจที่จะเขียนอะไรก็จะค้นหาด้วยกูเกิลนี่ละค่ะ ศึกษาหาข้อมูลขั้นตอนการเขียนซึ่งก็มีข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งนำมาประกอบกัน  จะเขียนบทความก็ดูว่าบทความมีกี่ประเภท จะเขียนแนวไหนได้บ้าง จะเขียนนิทานก็ต้องศึกษาวิธีการเขียนการเล่าเรื่อง การบรรยายภาพ  ผู้เขียนก็เริ่มจดรายละเอียดไปตามแต่ละข้อตามขั้นตอนของงานนั้นๆค่ะ แล้วจึงจะเริ่มเขียน

                            4

 ขยันและมีวินัย

เราต้องมีวินัยในการเขียนค่ะ ว่าด้วยเรื่องของการเขียนนิยาย นั่นคือในแต่ละวันเราจะต้องเขียนให้ได้กี่หน้า แต่คงมีบ้างล่ะที่คิดไม่ออกคราวนี้จะทำยังไง สมองตื้อๆ วันนี้คงเขียนไม่ได้แน่ อาการแบบนี้จะทำไง เลยนั่งอ่านที่เขียนไปแล้ว อ่าน ๆ ไปก็เกิดสะดุดอยากจะแก้ไขก็มีนะคะ (บางทีก็มีที่ไม่แวบขึ้นมาเลย หรือเกิดป่วย อันนี้ก็คงต้องพัก เพราะเขียนต่อคงไม่ได้จริง ๆ)


5 

หาความรู้เพิ่ม 

ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องนำมาเป็นคลังให้เราค่ะ ความรู้มีอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว และที่สำคัญเราต้องกลั่นกรองข้อมูลนั้น ๆ ด้วยนะคะ อย่างการเขียนเล่มนี้ขึ้นมา ผู้เขียนก็นำข้อมูลที่ได้ทำการค้นหาค้นคว้าวิธีการที่จะนำสิ่งที่มีอยู่ในสมองออกมาเป็นการเขียนเพื่อแบ่งปัน และแน่นอนว่ายังมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่จะนำเราพัฒนาการเขียนได้ โดยการฝึกเขียนบ่อย ๆ หาความรู้ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่ม อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ค่ะ


6

สะกดคำ

สะกดให้ถูก นั่นคือภาษา เรื่องของการใช้ภาษานี่ก็สำคัญมาก ๆ เราจะเขียนหนังสือก็ต้องเริ่มฝึกเขียนให้ถูกพิมพ์ให้ถูกค่ะ ภาษาไม่เก่ง สำนวนก็ไม่ได้ กลัวสารพัด เราต้องเลิกกลัวให้ได้ก่อน เพราะถ้ากลัวก็ไม่ได้เขียนสักที เขียนให้ถูกสะกดให้ถูกก่อน ค่อยไปเกลาสำนวนอีกทีก็ได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือไม่ก็หาพจนานุกรมไทยมาไว้สักเล่มเพื่อตรวจความถูกต้องได้ค่ะ ในบางเว็บไซต์ที่เป็นร้านอีบุ๊กออนไลน์จะมีระบบบริการตรวจคำให้ด้วยค่ะ หรืออาจจะเข้าไปที่เว็บไซต์ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (Office of the Royal Society) ซึ่งจะมีเรื่องเกี่ยวกับหลักการใช้ภาษาไทยด้วยค่ะ เช่น การใช้เครื่องหมายวรรคตอนต่าง ๆ  หรือคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นต้น

          ว่าด้วยเรื่องการสะกดคำให้ถูก ผู้เขียนซึ่งยังอยู่ในขั้นฝึกเขียนก็จะมีผิดอยู่บ้าง หรือที่เรียกว่า “หลุด” ค่ะ อย่างไรก็จะพยายามใช้คำให้ถูกต้องค่ะ


7 

พิมพ์ไม่ได้ก็ต้องฝึก

ฝึกพิมพ์ดีด ครั้นตอนเขียนด้วยลายมือร่างไว้ก่อนเรียบร้อย แต่พอจะต้องใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์งาน หากพิมพ์ไม่คล่อง พิมพ์แต่ละครั้งยังต้องมองแป้นอยู่ อาจทำให้ถอนหายใจดังเฮือก รู้สึกท้อขึ้นมาซะอย่างนั้น พิมพ์ไม่เร็วพิมพ์สัมผัสไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เราก็ต้องฝึกค่ะอย่างน้อย ๆ ต้องจำให้ได้ว่าอักษรแต่ละตัวอยู่ที่แป้นใด เมื่อจำตัวอักษรบนแป้นได้ ฝึกพิมพ์บ่อย ๆ ก็จะพิมพ์ได้ดีขึ้น (สารภาพว่าผู้เขียนเองก็พิมพ์สัมผัสไม่ได้ ตายังคงมองแป้นอยู่เลยค่ะ ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะพิมพ์บ่อย ๆ จำได้ว่าตัวอักษรอยู่ไหน ก็พิมพ์ได้จนจบค่ะ พยายามเข้าไว้ สู้ๆ ! )


8

เขียนจบทำอะไรต่อ

เขียนจบ แต่ยังไม่จบนะคะ เพราะอย่าลืมตรวจคำแก้คำผิด (ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็น ๆ นะคะ) บางครั้งก็อาจจะมีรีไรท์ (Rewrite) บ้าง บางถ้อยคำบางสำนวนเราอาจจะรู้สึกไม่พอใจก็แก้ไขไปปรับจนกว่าจะเข้าที่ค่ะ

 


9

ปก

หนังสือทุกเล่มก็ต้องมีปกใช่มั้ย สิ่งที่จะดึงดูดสายตาของนักอ่านได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อเรื่อง ภาพประกอบสีสันของปก เราต้องทำให้น่าสนใจเข้าไว้ วาดภาพไม่ได้ทำอย่างไร ก็อาจจะไปจ้างฟรีแลนซ์หรือมีเพื่อนถนัดทางนี้ก็คุยกันไปค่ะ หรือบางเว็บตัวแทนอาจมีการจัดทำให้ อันนี้ก็ต้องศึกษาข้อมูลนะคะ (ส่วนผู้เขียนทำเองทุกอย่างค่ะ ออกแบบปกก็ไม่สวยเท่านักวาดมืออาชีพ แต่ก็อยากทำเองค่ะ)


10

จะปล่อยผลงานที่ไหน

หาที่ปล่อยผลงาน เมื่อต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาเผยแพร่ผลงานแล้ว สมัยนี้ยุคนี้มีหลายแบบเลยนะคะ เราอาจจะสร้างเพจหรือบล็อกให้คนมาติดตามแล้วจะเข้ากลุ่มหรือเปิดกลุ่มในเฟซบุ๊กก็ว่าไป ใครใคร่อยากหารายได้ จะขายด้วยตัวเองก็ได้ หรืออาจจะทำเป็น E-Book ส่งขายตามเว็บตัวแทนก็ได้ค่ะ อย่างหลังนี่ต้องศึกษากติกาของเว็บก่อนนะคะ ส่วนเรื่องรายได้นั้น อาจจะรุ่งหรืออาจจะเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ หรือไม่ขยับเลย อันนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างค่ะ เราจะทำการตลาดอย่างไรโปรโมตงานเราอย่างไรนั้นก็มีส่วนสำคัญนะคะ

แต่ถ้ารายได้ไม่ขยับก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ เขียนไปเรื่อย ๆ ค่ะ เรามาเป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ

 

ลองถามใจตัวดูว่าอยากเป็นนักเขียนหรือเปล่า จะทำจริงจังหรือคั่นเวลาก็ว่ากันไปค่ะ...

ส่วนผู้เขียนมีความรู้สึก ว้าว! ฉันทำได้แล้ว เมื่อเขียนนิยายเรื่องแรกจบ จนเข้าสู่กระบวนการเผยแพร่ ส่วนเรื่องคนอ่านนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป ผู้เขียนรู้เพียงแต่ว่าเมื่อโลกแห่งการออนไลน์ ซึ่งเป็นประตูที่เปิดรออยู่แล้ว ก็เหลือเพียงเรา...พร้อมที่จะย่างก้าวเข้าไปสู่การเป็นนักเขียนหรือยัง.





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิธี ถักกระเป๋าโครเชต์ทรงถุงแกง

 ถักกระเป๋าโครเชต์ทรงถุงแกงแบบการต่อแผ่นสี่เหลี่ยมตามภาพนี้  นักถักสามารถเพิ่มจำนวนแถวของแผ่นสี่เหลี่ยมเพื่อให้ได้กระเป๋าใบใหญ่ขึ้นได้ค่ะ เม...