วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

DIY ปิ่นมุกปักผม

 วันนี้มีวิธีทำปิ่นมุกสวยๆ ไว้ปักผมตอนม้วนผมเพื่อเสริมเติมแต่งความสวยงามค่ะ

อุปกรณ์

-กิ๊ฟ

-ลวดขนาด8 cm

-ลูกปัดสีขาว หรือ ขาวมุก

-คีมแบน


ขั้นตอนต่อไป ก็นำลูกปัดร้อยในเส้นลวดพอประมาณแล้วพันลวดกับกิ๊ฟ ค่ะ


หลังจากนั้นก็นำคีมหนีบปลายกิ๊ฟให้ตรงค่ะ


เท่านี้ก็ได้ปิ่นมุกปักผมแล้วค่ะ


มีเวอร์ชั่น vdo ด้วยนะคะ คลิกดูได้เลยจ้า



วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เมื่อฉันอยากเป็นนักเขียน จะทำอย่างไร

 

เคยมั้ย?

เวลาอ่านหนังสือ อ่านนิยาย

หรือบทความสักเรื่องแล้วเกิดความรู้สึก

ว้าว!

อยากจะเขียนได้อย่างนั้นบ้างจัง

และในใจก็จะมีคำถามเกิดขึ้นให้ชวนกังวลในหัว

“ฉันอยากเป็นนักเขียนบ้างจัง”

“จะทำยังไงนะ”

“จะมีใครอ่านบ้างหรือเปล่า”

 

ในตอนนั้นอารมณ์ของผู้เขียนก็จะเป็นประมาณนี้ล่ะค่ะ เนื้อหาเล่มนี้ก็เลยอยากจะ
แชร์สิ่งที่ตนได้ทำและในที่สุดก็สามารถเขียน
สลับอุบัติรักจบเป็นเรื่องแรก


มาดูกันว่าก่อนที่จะเริ่มเขียนนั้นจะเราต้องทำอะไรบ้าง

                                     


คำนำ

เคยมั้ย?

เวลาอ่านหนังสือ อ่านนิยาย

หรือบทความสักเรื่องแล้วเกิดความรู้สึก

ว้าว!

อยากจะเขียนได้อย่างนั้นบ้างจัง

และในใจก็จะมีคำถามเกิดขึ้นให้ชวนกังวลในหัว

“ฉันอยากเป็นนักเขียนบ้างจัง”

“จะทำยังไงนะ”

“จะมีใครอ่านบ้างหรือเปล่า”

 

ในตอนนั้นอารมณ์ของผู้เขียนก็จะเป็นประมาณนี้ล่ะค่ะ เนื้อหาเล่มนี้ก็เลยอยากจะ
แชร์สิ่งที่ตนได้ทำและในที่สุดก็สามารถเขียน
“สลับอุบัติรัก”จบเป็นเรื่องแรก

มาดูกันว่าก่อนที่จะเริ่มเขียนนั้นจะต้องทำอะไรบ้าง

                                               1

อดทน

ความอดทน  ข้อนี้เราคนเขียนต้องอึดสักหน่อย ซึ่งคนเขียนต้องใจเย็นและมีความอดทนมาก เพราะกว่าจะเขียนจบเป็นเรื่องได้นี่ต้องขยันมาก ยิ่งเขียนอะไรยาว ๆ อย่างนิยาย นวนิยาย ซึ่งต้องเขียนหลายหน้า เขียนหลายตอน นานมากกว่าจะเขียนจบสักเรื่อง ฮึ๊บ!

 


2 

Contenes

คอนเทนต์ฉันจะเขียนอะไรดีนะ” แน่นอนว่าอาการนี้เป็นกันแทบทุกคนค่ะ เอาเป็นว่าอยากเขียนอะไรก็เขียนไปก่อน นึกอะไรออกก็จดไว้  หรืออยากจะระบายก็เขียนระบายลงใปในกระดาษทำเหมือนเราเขียนไดอารี่ ช่วงนี้ฉันไปดูหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพลงแนวนี้ที่ฉันชอบ ดารานักร้องคนนี้วงนี้ที่ฉันกรี๊ด วันนี้ฉันไปดูคอนเสิร์ตด้วยล่ะ ก็เขียนๆเก็บไว้ นี่ไงคุณรู้ตัวมั้ยว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนของคุณได้เริ่มแล้วล่ะคะ ที่สำคัญนะ ในสิ่งที่คุณเขียน ๆ จด ๆ นั้นอาจจะมีสักอย่างที่ทำให้มีไอเดียบรรเจิดเกิดขึ้น  เป็นเรื่องราวจนนำไปสู่การเขียนนิยายได้ ส่วนเรื่องแนวเขียนอยากจะเขียนสไตล์แบบไหนก็จดเป็นรายการไว้ค่ะ เช่น จะเขียนบทความสักเรื่องเริ่มจากอะไรดีละ อย่างผู้เขียนที่เขียนครั้งแรกก็จะเริ่มจากสิ่งที่ชอบ และงานที่ทำ (ซึ่งคุณอาจจะมีสิ่งนั้นอยู่แล้วแต่อาจไม่รู้ตัว) เขียนคำคม เขียนบทกลอน นิทาน แล้วค่อยขยับเป็นการเขียนอะไรยาวอย่างการเขียนนิยาย ก็ลองเขียน ๆ ไปค่ะ อาจจะเจอที่ถนัดหรืออยากจะทำอยากจะเขียน


3

ศึกษาขั้นตอนการเขียน

อย่างเช่นผู้เขียนรู้แล้วว่าสนใจที่จะเขียนอะไรก็จะค้นหาด้วยกูเกิลนี่ละค่ะ ศึกษาหาข้อมูลขั้นตอนการเขียนซึ่งก็มีข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งนำมาประกอบกัน  จะเขียนบทความก็ดูว่าบทความมีกี่ประเภท จะเขียนแนวไหนได้บ้าง จะเขียนนิทานก็ต้องศึกษาวิธีการเขียนการเล่าเรื่อง การบรรยายภาพ  ผู้เขียนก็เริ่มจดรายละเอียดไปตามแต่ละข้อตามขั้นตอนของงานนั้นๆค่ะ แล้วจึงจะเริ่มเขียน

                            4

 ขยันและมีวินัย

เราต้องมีวินัยในการเขียนค่ะ ว่าด้วยเรื่องของการเขียนนิยาย นั่นคือในแต่ละวันเราจะต้องเขียนให้ได้กี่หน้า แต่คงมีบ้างล่ะที่คิดไม่ออกคราวนี้จะทำยังไง สมองตื้อๆ วันนี้คงเขียนไม่ได้แน่ อาการแบบนี้จะทำไง เลยนั่งอ่านที่เขียนไปแล้ว อ่าน ๆ ไปก็เกิดสะดุดอยากจะแก้ไขก็มีนะคะ (บางทีก็มีที่ไม่แวบขึ้นมาเลย หรือเกิดป่วย อันนี้ก็คงต้องพัก เพราะเขียนต่อคงไม่ได้จริง ๆ)


5 

หาความรู้เพิ่ม 

ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องนำมาเป็นคลังให้เราค่ะ ความรู้มีอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว และที่สำคัญเราต้องกลั่นกรองข้อมูลนั้น ๆ ด้วยนะคะ อย่างการเขียนเล่มนี้ขึ้นมา ผู้เขียนก็นำข้อมูลที่ได้ทำการค้นหาค้นคว้าวิธีการที่จะนำสิ่งที่มีอยู่ในสมองออกมาเป็นการเขียนเพื่อแบ่งปัน และแน่นอนว่ายังมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่จะนำเราพัฒนาการเขียนได้ โดยการฝึกเขียนบ่อย ๆ หาความรู้ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่ม อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ค่ะ


6

สะกดคำ

สะกดให้ถูก นั่นคือภาษา เรื่องของการใช้ภาษานี่ก็สำคัญมาก ๆ เราจะเขียนหนังสือก็ต้องเริ่มฝึกเขียนให้ถูกพิมพ์ให้ถูกค่ะ ภาษาไม่เก่ง สำนวนก็ไม่ได้ กลัวสารพัด เราต้องเลิกกลัวให้ได้ก่อน เพราะถ้ากลัวก็ไม่ได้เขียนสักที เขียนให้ถูกสะกดให้ถูกก่อน ค่อยไปเกลาสำนวนอีกทีก็ได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือไม่ก็หาพจนานุกรมไทยมาไว้สักเล่มเพื่อตรวจความถูกต้องได้ค่ะ ในบางเว็บไซต์ที่เป็นร้านอีบุ๊กออนไลน์จะมีระบบบริการตรวจคำให้ด้วยค่ะ หรืออาจจะเข้าไปที่เว็บไซต์ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (Office of the Royal Society) ซึ่งจะมีเรื่องเกี่ยวกับหลักการใช้ภาษาไทยด้วยค่ะ เช่น การใช้เครื่องหมายวรรคตอนต่าง ๆ  หรือคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นต้น

          ว่าด้วยเรื่องการสะกดคำให้ถูก ผู้เขียนซึ่งยังอยู่ในขั้นฝึกเขียนก็จะมีผิดอยู่บ้าง หรือที่เรียกว่า “หลุด” ค่ะ อย่างไรก็จะพยายามใช้คำให้ถูกต้องค่ะ


7 

พิมพ์ไม่ได้ก็ต้องฝึก

ฝึกพิมพ์ดีด ครั้นตอนเขียนด้วยลายมือร่างไว้ก่อนเรียบร้อย แต่พอจะต้องใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์งาน หากพิมพ์ไม่คล่อง พิมพ์แต่ละครั้งยังต้องมองแป้นอยู่ อาจทำให้ถอนหายใจดังเฮือก รู้สึกท้อขึ้นมาซะอย่างนั้น พิมพ์ไม่เร็วพิมพ์สัมผัสไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เราก็ต้องฝึกค่ะอย่างน้อย ๆ ต้องจำให้ได้ว่าอักษรแต่ละตัวอยู่ที่แป้นใด เมื่อจำตัวอักษรบนแป้นได้ ฝึกพิมพ์บ่อย ๆ ก็จะพิมพ์ได้ดีขึ้น (สารภาพว่าผู้เขียนเองก็พิมพ์สัมผัสไม่ได้ ตายังคงมองแป้นอยู่เลยค่ะ ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะพิมพ์บ่อย ๆ จำได้ว่าตัวอักษรอยู่ไหน ก็พิมพ์ได้จนจบค่ะ พยายามเข้าไว้ สู้ๆ ! )


8

เขียนจบทำอะไรต่อ

เขียนจบ แต่ยังไม่จบนะคะ เพราะอย่าลืมตรวจคำแก้คำผิด (ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็น ๆ นะคะ) บางครั้งก็อาจจะมีรีไรท์ (Rewrite) บ้าง บางถ้อยคำบางสำนวนเราอาจจะรู้สึกไม่พอใจก็แก้ไขไปปรับจนกว่าจะเข้าที่ค่ะ

 


9

ปก

หนังสือทุกเล่มก็ต้องมีปกใช่มั้ย สิ่งที่จะดึงดูดสายตาของนักอ่านได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อเรื่อง ภาพประกอบสีสันของปก เราต้องทำให้น่าสนใจเข้าไว้ วาดภาพไม่ได้ทำอย่างไร ก็อาจจะไปจ้างฟรีแลนซ์หรือมีเพื่อนถนัดทางนี้ก็คุยกันไปค่ะ หรือบางเว็บตัวแทนอาจมีการจัดทำให้ อันนี้ก็ต้องศึกษาข้อมูลนะคะ (ส่วนผู้เขียนทำเองทุกอย่างค่ะ ออกแบบปกก็ไม่สวยเท่านักวาดมืออาชีพ แต่ก็อยากทำเองค่ะ)


10

จะปล่อยผลงานที่ไหน

หาที่ปล่อยผลงาน เมื่อต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาเผยแพร่ผลงานแล้ว สมัยนี้ยุคนี้มีหลายแบบเลยนะคะ เราอาจจะสร้างเพจหรือบล็อกให้คนมาติดตามแล้วจะเข้ากลุ่มหรือเปิดกลุ่มในเฟซบุ๊กก็ว่าไป ใครใคร่อยากหารายได้ จะขายด้วยตัวเองก็ได้ หรืออาจจะทำเป็น E-Book ส่งขายตามเว็บตัวแทนก็ได้ค่ะ อย่างหลังนี่ต้องศึกษากติกาของเว็บก่อนนะคะ ส่วนเรื่องรายได้นั้น อาจจะรุ่งหรืออาจจะเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ หรือไม่ขยับเลย อันนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างค่ะ เราจะทำการตลาดอย่างไรโปรโมตงานเราอย่างไรนั้นก็มีส่วนสำคัญนะคะ

แต่ถ้ารายได้ไม่ขยับก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ เขียนไปเรื่อย ๆ ค่ะ เรามาเป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ

 

ลองถามใจตัวดูว่าอยากเป็นนักเขียนหรือเปล่า จะทำจริงจังหรือคั่นเวลาก็ว่ากันไปค่ะ...

ส่วนผู้เขียนมีความรู้สึก ว้าว! ฉันทำได้แล้ว เมื่อเขียนนิยายเรื่องแรกจบ จนเข้าสู่กระบวนการเผยแพร่ ส่วนเรื่องคนอ่านนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป ผู้เขียนรู้เพียงแต่ว่าเมื่อโลกแห่งการออนไลน์ ซึ่งเป็นประตูที่เปิดรออยู่แล้ว ก็เหลือเพียงเรา...พร้อมที่จะย่างก้าวเข้าไปสู่การเป็นนักเขียนหรือยัง.





ขายของใน Shopee ต้องสมัครอย่างไร

 

หากคุณคิดที่จะเริ่มเป็นพ่อค้าแม่ค้าเปิดร้านค้าออนไลน์กับ Shopee สิ่งที่ควรจะมีคือ

 1) เลขบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต หรือเครดิต ธนาคารใดก็ได้ เพื่อทำการกรอกในการรับชำระค่าสินค้า

2) คอมพิวเตอร์ หรือมือถือ หากใช้มือถือให้ทำการดาวโหลดApp Shopee ซึ่งใช้ได้ทั้งแอนดรอย์ และIOS

3) สินค้า , เครื่องชั่งน้ำหนัก

เมื่อมีสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ทำการสมัครเพื่อเข้าเป็นผู้ขายหรือผู้ซื้อได้เช่นกัน

และที่สำคัญ ควรศึกษากฎของShopee ในสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ไม่ควรทำ ด้วยนะคะ


ขั้นตอนการสมัครขายของใน Shopee

-         คอมพิวเตอร์สามารถสมัครได้ที่ https://mall.shopee.co.th/

-         มือถือ ก็เข้าไปที่ App Shopee

สมัครแอคเคาท์ Shopee  https://mall.shopee.co.th/



            

หรือเลือกกรอกรายละเอียด ด้วย E-mail


เมื่อเลือกกรอกรายละเอียด เรียบร้อยให้กดที่ สมัครใหม่


  1.  ใส่ชื่อสินค้า  
  2. เลือกหมวดหมู่สินค้าให้ใกล้เคียงกับตัวสินค้า
  3. คลิกต่อไป และกรอกรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม



เตรียมภาพไว้ 9 ภาพ แล้วอัพภาพทั้งหมด หรือ ภาพเดียวก็ได้

โดยภาพแรกนั้นจะเป็นภาพปกสินค้า ส่วน vdo นั้นจะสามารถใส่ได้จากโทรศัพท์ค่ะ โดยความยาวไม่เกิน 60 วินาที 




        ต่อไปคือเลือกการจัดส่งต้องใส่น้ำหนักของสินค้าด้วยนะคะ อย่างเช่น 0.50 kg (หลังจุดจะใส่ได้แค่ 2 หน่วยค่ะ ) แล้วหลังจากนั้นก็เลือกเปิดปุ่มการขนส่งให้เป็นสีเขียว อยากจัดส่งโดยขนส่งไหนก็เปิดเขียวค่ะ

(หน้าตาของแบบฟอร์มอาจจะมีการอัพเดต แต่การกรอกก็จะคล้ายๆกันนะคะ)





5 - กดที่เครื่องหมาย ถูก เพื่อเป็นการบันทึกและเผยแพร่

 

ใครสะดวกแบบไหนก็เลือกใช้ได้เลยจ้า ^_^

          By..okpk17

 

­­ #shopee #ขายของ #เปิดร้าน #ออนไลน์


วิธี ถักกระเป๋าโครเชต์ทรงถุงแกง

 ถักกระเป๋าโครเชต์ทรงถุงแกงแบบการต่อแผ่นสี่เหลี่ยมตามภาพนี้  นักถักสามารถเพิ่มจำนวนแถวของแผ่นสี่เหลี่ยมเพื่อให้ได้กระเป๋าใบใหญ่ขึ้นได้ค่ะ เม...